รายงานพิเศษ/ “ทีมข่าวกทม.” (e-mail:ktm_cm@yahoo.com) “ความจริงวันนี้” 1 ปีคดีผับสยอง “ซานติก้า” นับถอยหลังเหลืออีกเพียง 3 วัน จะเข้าสู่ศักราชใหม่ ขณะเดียวกันก็จะถึงวันครบรอบ1 ปีของเหตุโศกนาฏกรรมสุดสยอง “ซานติก้าผับ” ที่ซอย 9 เอกมัย เขตวัฒนา บท เรียนซ้ำซากอีกบทที่กว่าครึ่งร้อยชีวิตต้องถูกสังเวยอย่างสุดแสนเอน็จอนาถ น่าเวทนา ก่อให้เกิดกระแสการตื่นตูมและตื่นตัวครั้งใหญ่ แต่ขณะเดียวกัน วันเวลาที่ผ่านเลยไปกลับดูเหมือนการสูญเสียที่เกิดขึ้นแทบจะไม่ได้มีผลอะไร... โดย เฉพาะ 1 ปีในการสอบสวนเรื่องคดีซานติก้า ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกทม.ซึ่งเกี่ยวข้องและเกี่ยวพันกับเหตุโศกนาฏกรรม ในครั้งนี้โดยตรง ด้วยผับซานติก้าก่อสร้างผิดแบบไม่มีใบอนุญาตการใช้อาคาร ขณะที่เจ้าหน้าที่เขตวัฒนากลับปล่อยปละให้เปิดบริการมาหลายปีโดยไม่ได้มีการ ตรวจสอบกระทั่งเกิดเหตุสลดใจ อีกทั้งยังส่อพิรุธทำแบบแปลนซานติก้าผับหาย ผลสอบความผิดที่กทม.ระบุผู้เกี่ยวข้อง มีเกี่ยวโยงอยู่ 5 ราย โดยผิดวินัยร้ายแรง 3 ราย ได้แก่ หัวหน้าฝ่ายโยธา หัวหน้ากลุ่มงานอาคาร และนายตรวจอาคาร ของเขตวัฒนาในขณะนั้น ขณะผิดวินัยไม่ร้ายแรงอีก 2 คน ได้แก่ ผอ.เขตวัฒนา ขณะนั้น และเจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาเขต ผู้ซึ่งทำแบบแปลนซานติก้าผับหาย แต่ จากต้นปีช่วงเดือนมี.ค.52 ที่ผลสรุปออกมา แต่จนถึงป่านนี้จะล่วงเข้าอีกปี แต่ผลของคดียังไม่มีความคืบหน้า ท่ามกลางชะตากรรมของเหยื่อผับสยองซานติก้า ที่หลายรายรอดชีวิตแต่ก็เหมือนเป็นชีวิตที่ไม่เต็มคน ต้องทนทุกข์เวทนาสุดแสนสาหัสสากรรจ์ด้วยบาดแผลฉกรรจ์จากไฟไหม้ โดยหลายรายที่ไม่เคยได้รับค่าชดเชยและความช่วยเหลือ ตอก ย้ำด้วยฟากฝั่งตำรวจ ที่สั่งเลื่อนคดีในส่วนความรับผิดชอบออกไปกลางเดือนมกราฯปีหน้า ท่ามกลางความคาใจของประชาชนและสังคม เหยื่อหรือคนในสังกัดที่จะได้รับการพิทักษ์ปกป้องกันแน่... ############################### ทีมข่าว “กทม.-ชุมชนเมือง” ได้สอบถามกรณีซานติก้าผับอีกครั้งในวาระที่จะครบ 1 ปี กับความคืบหน้าของคดีในส่วนกทม. กับ พงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกทม. ซึ่งปลัดกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ปัญหา ที่ประชาชนมองว่ากทม.สรุปผลสอบล่าช้าโดยเฉพาะคดีเพลิงไหม้ซานติกาผับนั้น คณะกรรมการตรวจสอบวินัยข้าราชการได้ทำหน้าที่อย่างรอบคอบเต็มกำลัง แต่ก็ย่อมต้องสอบสวนอย่างรัดกุมเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย เพราะหลีกเลี่ยงความสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้จะพยายามเร่งให้มีผลสรุปโดยด่วน ขณะที่ พรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม.ที่ รับผิดชอบงานด้านโยธา ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีนี้ว่า สำหรับโครงการที่มีปัญหาร้องเรียนหรือสอบสวนและอยู่ในความดูแล เช่น คดีซานติกาผับนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบวินัยข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะกรรมการได้ทำหน้าที่อย่างรอบคอบ “ส่วน ตัวผมนั้นไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายการสอบมากนัก เพราะอาจกลายเป็นว่าฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซง แต่เชื่อว่าคณะกรรมการทุกท่านทำหน้าที่กันอย่างดีที่สุด และไม่คิดว่าจะมีการเข้าข้างพวกพ้อง เพราะทุกขั้นตอนมีระเบียบกฎเกณฑ์เป็นกรอบในการพิจารณาอยู่แล้ว” แต่สำหรับมุมมองของสมาชิกสภากทม.ที่คลุกคลีกับการตรวจสอบปัญหางานด้านโยธาของกทม.มาตลอด ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ก.เขตห้วยขวางและอดีตประธานสภากทม.กลับมองว่า การ สอบคดีของกทม.ไม่น่าใช้ระยะเวลาในการสอบนานขนาดนี้ ในขณะที่มีตัวชี้วัดให้เห็นชัดเจน ว่าใครกระทำผิด โดยเห็นชัดว่าเป็นความผิดที่เห็นซึ่งหน้า แต่กลับไม่มีการสรุปความผิดวินัยข้าราชการ “ทั้ง ที่ผู้ที่รับผิดชอบมีหน้าที่ต้องทำให้เกิดความกระจ่าง ต้องปฏิบัติตรงไปตรงมา หรือแม้แต่ญาติผู้สูญเสียก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ในความเป็นจริงกลับไม่มีการดำเนินใดๆ” ส.ก.ประเดิม ชัยว่า ในขณะเดียวกันกทม.กลับมีนโยบายให้หน่วยงานต่างๆ ออกตรวจสถานประกอบการว่าเสี่ยงเกิดอัคคีภัยมากน้อยเพียงใด เอาจริงเอาจัง ตีฆ้องร้องป่าวในช่วงท้ายปี ให้ประชาชนเจ้าของกิจการให้ความสำคัญเพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยซาน ติกาผับ แต่ผลสอบวินัยกลับไม่มีการสรุป อย่างนี้ประชาชนจะเกิดความมั่นใจได้อย่างไร สุด ท้ายประชาชนก็จะขาดความเลื่อมใสองค์กรของรัฐในที่สุด หากกทม.สรุปความผิดได้นั้นจะทำให้ประชาชนอุ่นใจหากเกิดเหตุการณ์นี้อีกมั่น ใจได้ว่าจะมีคนรับผิดชอบ “การออกไปตรวจผับ บาร์ เป็นเรื่องที่ดีเพื่อให้เจ้าของร้านตระหนักถึงความปลอดภัย แต่ หากทำไม่จริงจังสุดท้ายเชื่อว่าจะมีเรื่องเศร้าเหมือนซานติกาผับอีก การเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะหากเกิดปัญหาไปแล้วมีการตรวจสอบผู้ที่ละเลยก็ต้องได้รับผลเช่นกัน” http://www.siamrath.co.th/UIFont/NewsDetail.aspx?cid=62&nid=53802 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น